แผนที่ - จังหวัดลิมบืร์ค (ประเทศเนเธอร์แลนด์) (Provincie Limburg)

จังหวัดลิมบืร์ค (Provincie Limburg)
ลิมบืร์ค (Limburg) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดในบรรดาสิบสองจังหวัดของประเทศเนเธอร์แลนด์ จังหวัดลิมบืร์คมีพรมแดนทางตอนใต้และบางส่วนทางตะวันตกติดกับประเทศเบลเยียม โดยมีแม่น้ำเมิซกั้นระหว่างสองประเทศ พรมแดนบางส่วนทางตะวันตกติดกับจังหวัดนอร์ทบราบันต์ และทางเหนือติดกับจังหวัดเกลเดอร์ลันด์ ทางตะวันออกติดกับรัฐนอร์ทไรน์-เว็สท์ฟาเลินในประเทศเยอรมนี

เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของจังหวัดคือ มาสทริชท์ มีประชากร 121,565 คน เมืองขนาดรองลงมาคือเวนโล ซิตทาร์ด-เคเลน และเฮร์เลิน จังหวัดลิมบืร์คตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ อยู่ใกล้กับมหานครเศรษฐกิจรูห์ของเยอรมนีและเป็นประตูสู่กลุ่มประเทศเบเนลักซ์ได้เป็นอย่างดี

ประวัติศาสตร์ของลิมบืร์คเริ่มขึ้นในสมัยสาธารณรัฐโรมัน เมื่อจูเลียส ซีซาร์เข้ายึดดินแดนบริเวณนี้และกำจัดชนพื้นเมืองที่ลุกฮือต่อต้านทั้งหมด และได้ตั้งนครตุงกรีขึ้นโดยมีโตงเงอเรินเป็นเมืองหลวง (ปัจจุบันอยู่ในประเทศเบลเยียม) ได้มีการวางเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างเมืองโตงเงอรินกับโคโลญ ก่อให้เกิดการตั้งเมือง โมซา ทราเจ็กตัม (มาสทริชท์) และ โคริโอวาลลัม (เฮร์เลิน) ขึ้น พื้นที่แถบนี้จึงมีสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมโรมันหลงเหลืออยู่มาก ต่อมา พระสังฆราชเซอร์วาติอุสได้นำคริสต์ศาสนาจากโรมันมาเผยแพร่ในมาสทริชท์เมื่อ ค.ศ. 384 ทำให้ต่อมา มาสทริชท์เรืองอำนาจขึ้นมาแทนโทงเงอเริอในฐานะเมืองหลวงท้องถิ่นอย่างไม่เป็นทางการ ก่อนจะมีการสถาปนามุขมณฑลขึ้นที่ลีแยฌ (ปัจจุบันอยู่ในเบลเยียม) ห่างจากมาสทริชท์ไปทางใต้ 25 กิโลเมตร

หลังอาณาจักรโรมันล่มสลาย อำนาจของโรมันก็เสื่อมลง อาณาจักรแฟรงก์ได้เข้ามาเป็นใหญ่ในพื้นที่แทนโรมัน นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองของพื้นที่ หุบเขาริมแม่น้ำเมิซมีความสำคัญทางด้านการเมืองและวัฒนธรรม พระเจ้าชาร์เลอมาญ กษัตริย์ชาวแฟรงก์ได้สถาปนาเมืองอาเคินเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรแฟรงก์และมีอาณาบริเวณแผ่มาถึงตอนใต้ของลิมบืร์ค และทำให้ดินแดนแถบนี้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นไปอีก หลังพระเจ้าชาร์เลอมาญสวรรคต อาณาจักรแฟรงก์แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ราชอาณาจักรแฟรงก์ตะวันตก กลาง และตะวันออก แต่เส้นเขตแดนไม่เสถียรนัก ดินแดนของจังหวัดลิมบืร์คสลับเปลี่ยนไปอยู่ในอำนาจของหลายอาณาจักร จนในที่สุด ได้ตกเป็นของราชอาณาจักรแฟรงค์ตะวันตก จากสนธิสัญญาเมอร์เซนเมื่อปี ค.ศ. 870

ในยุคกลาง ขุนนางแห่งฟาลเคนบูร์ก ดาลเฮม เฮร์โซเกนราท เริ่มมีอำนาจขึ้นทางตอนใต้ของลิมบืร์ค แต่ต่อมาถูกรวมเป็นดัชชีลิมบืร์คและอยู่ภายใต้การปกครองของดัชชีบราบันต์อีกที เข้าสู่ศตวรรษที่ 15 ดัชชีลิมบืร์คและเมืองบริวารตกเป็นของเบอร์กันดี ส่วนเมืองมาสทริชท์อยู่ใต้การปกครองของราชรัฐมุขนายกลีแยฌและดัชชีบราบันต์ร่วมกัน ส่วนตอนกลางและเหนือของจังหวัดลิมบืร์คในปัจจุบันตกเป็นของดัชชียือลิชและดัชชีเกลเดอร์ส บรรดาดัชชีและมุขนายกเหล่านี้มีอิทธิพลอย่างมากเหนือดินแดนลิมบืร์คในยุคกลางภายใต้จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ แต่มีบ่อยครั้งที่มักจะสู้รบกันเอง และผลของการสู้รบในพื้นที่ของลิมบืร์คก็ทำให้ภูมิภาคนี้ลดความสำคัญทางเศรษฐกิจลงไป ในช่วงสงคราม 80 ปีที่เนเธอร์แลนด์ทำสงครามเพื่อเป็นเอกราชจากการปกครองของสเปน ลิมบืร์คกลายเป็นสมรภูมินองเลือดบ่อยครั้ง ชาวลิมบืร์คร่วมรบกับฝั่งสเปนเนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวคริสต์นิกายคาทอลิก ตรงข้ามกับชาวดัตช์ที่นับถือลัทธิคาลวิน จนเมื่อสิ้นสุดสงครามและเนเธอร์แลนด์ได้เอกราช ดินแดนของจังหวัดลิมบืร์คถูกแบ่งเป็นพื้นที่การปกครองครองสเปน ปรัสเซีย สาธารณรัฐดัตช์ ลีแยฌ และขุนนางอีกหลายคน จนกระทั่งปี ค.ศ. 1673 พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสได้ยกกองทัพฝรั่งเศสมาตีเบลเยียมจนถึงเมืองมาสทริชท์และยึดเมืองได้ในช่วง ค.ศ. 1673 ถึง 1678 และฝรั่งเศสยึดทัพมายึดอีกครั้งในปี ค.ศ. 1748 ในช่วงสงครามสืบราชบัลลังก์ออสเตรีย

เขตแดนของลิมบืร์คเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อจักรพรรดินโปเลียนยกทัพมายึดประเทศเนเธอร์แลนด์ไว้ได้เมื่อปี ค.ศ. 1794 ถึงปี ค.ศ. 1814 ในช่วงนี้ เนเธอร์แลนด์ได้ถูกผนวกรวมเข้ากับจักรวรรดิฝรั่งเศสที่ 1 และลิมบืร์คถูกเปลี่ยนให้เป็นจังหวัดหนึ่งของฝรั่งเศสชื่อ เมิซ-อินเฟริเยอร์ (Meuse-Inférieure) ที่หมายถึง เมิซส่วนล่าง

เมื่อจักรพรรดินโปเลียนแพ้สงคราม มหาอำนาจของยุโรปได้แก่ สหราชอาณาจักร ปรัสเซีย ออสเตรีย และรัสเซีย ได้ประชุมกันที่การประชุมใหญ่แห่งเวียนนา มีมติให้ก่อตั้งราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ขึ้นในปี ค.ศ. 1815 โดยรวมเอาเนเธอร์แลนด์และเบลเยียมเป็นประเทศเดียวกัน ได้มีการตั้งจังหวัดใหม่ขึ้นเป็นจังหวัดมาสทริชท์เช่นเดียวกับเมืองหลวงของจังหวัด อย่างไรก็ตาม พระเจ้าวิลเลิมที่ 1 แห่งเนเธอร์แลนด์ ทรงไม่ประสงค์จะให้ชื่อในยุคกลางต้องสูญหายไป จึงทรงเปลี่ยนชื่อเป็นจังหวัดลิมบืร์คต่อมา เมื่อปี ค.ศ. 1830 เกิดการปฏิวัติเบลเยียมขึ้น โดยเบลเยียมที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวคาทอลิกต้องการแยกตัวออกจากเนเธอร์แลนด์ตอนเหนือที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือลัทธิคาลวิน ทางเนเธอร์แลนด์ส่งกองกำลังเข้าปราบปรามฝ่ายกบฏและไม่ยอมรับเอกราชของเบลเยียม นำมาซึ่งการสู้รบยาวนานจนถึงปี ค.ศ. 1839 ได้มีการเจรจาสันติภาพและลงสนามในสนธิสัญญาลอนดอน รับรองเอกราชของเบลเยียม จังหวัดลิมบืร์คเดิมทีอยู่ภายใต้การปกครองของเบลเยียมได้ถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนตะวันออกตกเป็นของเนเธอร์แลนด์ และส่วนตะวันตกกลายเป็นของเบลเยียม และจุดแบ่งก็กลายเป็นเส้นพรมแดนของทั้งสองประเทศมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างไรก็ตาม สนธิสัญญาลอนดอนได้ระบุว่าพื้นที่ทางตะวันตกของลักเซมเบิร์กที่เดิมอยู่ใต้การปกครองของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์จะถูกรวมกับเบลเยียม แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าลักเซมเบิร์กเคยอยู่ภายใต้อำนาจของสมาพันธรัฐเยอรมันไปพร้อมๆกันด้วย ทั้งนี้ สมาพันธรัฐเยอรมันตั้งขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อความร่วมมือทางการค้าหลังสงครามนโปเลียนดังนั้น พื้นที่ลักเซมเบิร์กตะวันตกที่มีประชากร ราว 150,000 คนที่จะเสียไปให้เบลเยียมนั้น จะทำให้สมาพันธรัฐเยอรมันเสียประโยชน์ด้วย เพื่อเป็นการชดเชย เนเธอร์แลนด์จึงได้ทำการยกพื้นที่ของจังหวัดลิมบืร์คไปอยู่กับสมาพันธรัฐเยอรมันด้วย ยกเว้นเพียงเมืองมาสทริชท์และเวนโล (เพราะหากไม่นับประชากรของสองเมืองนี้ พื้นที่ที่จะยกไปจะมีประชากรรวมราวๆ 150,000 คนพอดี) ดังนั้น พื้นที่บางส่วนของจังหวัดลิมบืร์คจึงอยู่ภายใต้ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์และเป็นดัชชีลิมบืร์คภายใต้การปกครองของสมาพันธรัฐเยอรมันไปพร้อมๆกันด้วย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1839 จนถึงปี ค.ศ. 1866 อันเป็นปีที่เกิดสงครามระหว่างปรัสเซียและออสเตรียจนสมาพันธรัฐเยอรมันล่มสลายและมีการสถาปนาชาติเยอรมันขึ้น สนธิสัญญาลอนดอนฉบับที่สองที่ลงนามกันเมื่อ ค.ศ. 1867 ระบุให้ลิมบืร์คกลับไปอยู่ภายใต้การปกครองของเนเธอร์แลนด์เพียงประเทศเดียวตั้งแต่นั้น แต่ชื่อของดัชชีลิมบืร์คยังมีการใช้ในเอกสารราชการเรื่อยมาจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1907 และยังส่งผลให้ลิมบืร์คมีลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนจังหวัดอื่นด้วย เช่น ผู้ปกครองของจังหวัดจะถูกเรียกว่า "ผู้ว่าราชการจังหวัด" ต่างกับจังหวัดอื่นที่ใช้ชื่อ "ข้าหลวงในพระมหากษัตริย์"

ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นาซีเยอรมนีเข้ายึดครองเนเธอร์แลนด์รวมถึงลิมบืร์คด้วย เมืองและหมู่บ้านจึงได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการทิ้งระเบิดและปืนใหญ่ จนกระทั่งหลังจบสงครามโลกในปี ค.ศ. 1945 ได้มีการบูรณะซ่อมแซมเมือง ต่อมาเมื่อปี ค.ศ. 1991 ประชาคมยุโรปได้มีการจัดประชุมที่เมืองมาสทริชท์ และได้มีการเซ็นสนธิสัญญาก่อตั้งสหภาพยุโรปขึ้น จึงถือได้ว่ามาสทริชท์ จังหวัดลิมบืร์ค เป็นจุดกำเนิดของสหภาพยุโรป

 
แผนที่ - จังหวัดลิมบืร์ค (Provincie Limburg)
แผนที่
โอเพินสตรีตแมป - แผนที่ - จังหวัดลิมบืร์ค (ประเทศเนเธอร์แลนด์)
โอเพินสตรีตแมป
ประเทศ - เนเธอร์แลนด์


สกุลเงินตรา / Language  
ISO สกุลเงินตรา สัญลักษณ์ เลขนัยสำคัญ
EUR ยูโร (Euro) € 2
ISO Language
NL ภาษาดัตช์ (Dutch language)
FY ภาษาฟรีเชียตะวันตก (West Frisian language)
Neighbourhood - ประเทศ  
  •  เบลเยียม 
  •  เยอรมนี